NIA ปั้น 20 ธุรกิจรุ่นใหม่ ตอกย้ำจุดแข็ง “Local brand - เศรษฐกิจภูมิภาค”
พร้อมลุย “นิลมังกร The Reality Season 2”
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับศูนย์แบรนด์เคยู คณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเครือข่ายพันธมิตรกว่า 20 หน่วยงาน เปิดโครงการประกวดสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย “นิลมังกร” รุ่น 2 เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมและยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี/กิจการเพื่อสังคม/สตาร์ทอัพให้ก้าวเป็น “นิลมังกร” ซึ่งเปรียบเสมือนยูนิคอร์นในแบบฉบับของคนไทย พร้อมกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่น และลดอัตราการไหลออกของคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังส่ง “นิลมังกร เดอะเรียลลิตี้ ซีซั่น 2” รายการทีวีในรูปแบบสาระบันเทิง (Edutainment) เพื่อให้มีความน่าสนใจ สามารถเข้าถึงและเข้าใจกระบวนการสร้างธุรกิจนวัตกรรมได้ง่ายขึ้น รวมทั้งเป็นพื้นที่ให้ผู้ประกอบการ/วิสาหกิจเพื่อสังคม/สตาร์ทอัพ ทั้ง 20 รายได้แสดงศักยภาพทางธุรกิจนวัตกรรมและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า “จุดแข็งหนึ่งของโลคอลแบรนด์หรือผู้ประกอบการในระดับภูมิภาค คือ ความโดดเด่นของ “อัตลักษณ์ท้องถิ่น” ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์/สินค้า หรือบริการได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงถือเป็นโอกาสทองที่จะเร่งพัฒนาคุณภาพและลดจุดอ่อนที่มี เช่น การร้อยเรียงเรื่องราวให้น่าสนใจ ลักษณะบรรจุภัณฑ์ ช่องทางการจำหน่าย และการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคได้รู้จักและเข้าถึงแบรนด์ ดังนั้น NIA จึงได้ริเริ่ม “โครงการประกวดสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย หรือ นิลมังกร” ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดระบบนิเวศนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมในระดับภูมิภาค รวมถึงการใช้เครื่องมือทางนวัตกรรมมาเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันและยกระดับเศรษฐกิจของพื้นที่ พร้อมกับสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการระดับภูมิภาคและประชาชนทั่วไป โดยผลการดำเนินงาน “นิลมังกร รุ่นที่ 1” มีธุรกิจนวัตกรรมที่สนใจและส่งผลงานเข้าประกวดกว่า 300 ธุรกิจ ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่กระบวนการบ่มเพาะนำและเสนอธุรกิจ (Storytelling) จำนวน 120 ธุรกิจ และได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมรายการ “นิลมังกร เดอะเรียลลิตี้” จำนวน 20 ธุรกิจ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นให้กับทั้ง 20 แบรนด์เฉลี่ยแล้วกว่า 3.07 เท่า หรือกว่า 350 ล้านบาท ภายใน 1 ปี และสามารถคว้า 2 รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติประจำปี 2565 และ 6 รางวัลจากการประกวด 7 Innovation Awards 2565 อีกด้วย”
“นิลมังกรทีมแรกของประเทศไทย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ทรายแมวไฮด์แอนด์ซีค บริษัท เวลตี้ ม็อกกี้ อินโนเวชั่น จำกัด เป็นผลิตภัณฑ์ทรายแมวที่ใช้มันสำปะหลังที่ปลูกในประเทศไทยมาเป็นวัตถุดิบหลัก ผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณสมบัติเชิงโมเลกุล เพื่อให้เก็บกลิ่น ละลายแตกตัวในน้ำได้รวดเร็วและย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ สามารถนำไปทิ้งในชักโครกโดยไม่ทำให้อุดตัน ตอบโจทย์เทรนด์การเลี้ยงแมวในระบบปิดตามพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน โดยตลอดระยะเวลาที่อยู่ใน “รายการนิลมังกรเดอะเรียลริตี้” รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 6.5 เท่า ภายในระยะเวลา 3 เดือน และมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้น 50 เท่า ภายในระยะเวลา 2.5 ปี ซึ่งล่าสุดได้มีการร่วมทุนกับบริษัท โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ จำกัด และนักลงทุนอิสระ เพื่อเพิ่มทุนในการทำ Economy of Scale ผลักดันเรื่องของการปรับปรุงกระบวนการผลิต การลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการผลิต รวมถึงช่องทางการจำหน่าย และเพิ่มโอกาสการส่งออกผลิตภัณฑ์ทรายแมวไปขายยังต่างประเทศ ถือเป็นตัวอย่างธุรกิจนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว NIA คาดหวังว่าในอนาคตประเทศไทยของเราจะมีนิลมังกร ตัวที่ 2 ตัวที่ 3 และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จะส่งผลถึงระดับความสามารถด้านนวัตกรรมของประเทศให้เป็นที่รู้จักอย่างเป็นวงกว้าง ในฐานะของการเป็นชาตินวัตกรรมอีกด้วย”
ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อํานวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA กล่าวเพิ่มเติมว่า “การประกวดสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย “นิลมังกร” รุ่นที่ 2 นี้ เป็นกิจกรรมภายใต้กรอบกลยุทธ์ของ NIA ด้านการทำให้ระบบนวัตกรรมไทยเป็นระบบที่เปิดกว้าง (Open Ecosystem) เพื่อเพิ่มจำนวนธุรกิจนวัตกรรมที่มีศักยภาพในระดับมวลวิกฤต (Critical Mass) ที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อประเทศ ด้วยการสร้างความเข้มแข็งในระดับพื้นที่ สอดรับกับบทบาทของ NIA ในฐานะหน่วยงานเชื่อมโยงเครือข่ายภาคส่วนต่าง ๆ ในการประสานการทำงานร่วมกัน หรือ “Focal Facilitator” ทั้งนี้ การประกวดสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย “นิลมังกร รุ่นที่ 2” มีธุรกิจนวัตกรรมที่สนใจและส่งผลงานเข้าประกวดจำนวนทั้งสิ้นกว่า 450 ธุรกิจ ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่กระบวนการบ่มเพาะและนำเสนอธุรกิจ (Storytelling) จำนวน 120 ธุรกิจ และเป็นตัวแทนเข้าร่วมรายการ “นิลมังกร เดอะเรียลลิตี้ ซีซั่น 2” จำนวน 20 ธุรกิจ โดยทั้ง 20 ทีมนี้จะเข้าสู่กระบวนการเร่งการเติบโตของธุรกิจและตราสินค้าด้วยการใช้เครื่องมือทางด้านนวัตกรรม ด้านแผนธุรกิจ ด้านกลยุทธ์ช่องทางการตลาดและด้านกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ และนำเสนอการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมในรายการ”
ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า “จากความสำเร็จของนิลมังกรรุ่นที่ผ่านมา สามารถสร้างให้เกิด “ฮีโร่” ในธุรกิจนวัตกรรมระดับภูมิภาคได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการเร่งบ่มเพาะผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยความร่วมมือกับ NIA ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่จะได้ร่วมสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้กับผู้ประกอบการในแบบพลิกตำราเรียนการบริหารธุรกิจในโลกปัจจุบัน และสามารถนำไปเป็นบทเรียนให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ส่งทีมคณาจารย์กว่า 20 ท่าน เพื่อช่วยโค้ชชิ่งกลยุทธ์ แนะนำแนวทางการบริหารงาน พร้อมสร้างยอดขายให้เติบโตได้ในสถานการณ์ที่ผู้ประกอบการต้องต่อสู้กับหลายสิ่งในโลกธุรกิจจริง และเรามั่นใจว่าองค์ความรู้แบบมีนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะช่วยบ่มเพาะผู้ประกอบการไทยให้มีความแข็งแกร่งและพร้อมเผชิญกับทุกความท้าทายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ นิลมังกร รุ่นที่ 2 ทั้ง 20 ทีมสุดท้ายที่ฝ่าฟันผ่านกระบวนการบ่มเพาะและนำเสนอธุรกิจในรอบภูมิภาคมาแล้วนั้น ทุกทีมมีด้านนวัตกรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่โดดเด่นไม่แพ้กันทั้ง 4 ภูมิภาค ทุกท่านสามารถร่วมเรียนรู้และลุ้นไปกับนิลมังกรทั้ง 20 ทีมได้ในรายการ “นิลมังกร เดอะเรียลลิตี้ ซีซั่น 2” ทางช่อง 3 HD ทุกวันศุกร์ เวลา 22.40 น. ออกอากาศเทปแรกวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2566”
#NIA #innovation #นิลมังกร #ThailandInnobizChampion #InnovationThailand